การ ใช้ Asa ใน หญิง ตั้ง ครรภ์
พญ. สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต จักษุแพทย์ รพ. ตา หู คอ จมูก
Ultrasoundในหญิงตั้งครรภ์
1. ห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างหญิงทำงานต่อไปนี้ งานเหมืองแร่หรืองานก่อสร้าง ที่ต้องทำใต้ดิน ใต้น้ำ ในถ้ำ ในอุโมงค์ หรือปล่องในภูเขาเว้นแต่ลักษณะของงานไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือ ร่างกายของลูกจ้างหญิงนั้น งานที่ต้องทำบนนั่งร้านที่สูงกว่าพื้นดินตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป งานผลิตหรือขนส่งวัตถุระเบิดหรือวัตถุไวไฟ งานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง 2. ห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างหญิง ที่มีครรภ์ทำงานในระหว่างเวลา 22. 00น. -06. ทำงานล่วงเวลาทำงานในวันหยุดหรือทำงานอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ งานเหมืองแร่หรืองานก่อสร้างที่ต้องทำใต้ดิน ใต้น้ำ ในถ้ำ ในอุโมงค์ หรือปล่องในภูเขาเว้นแต่ลักษณะของงาน ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือ ร่างกายของลูกจ้างหญิงนั้น งานเกี่ยวกับเครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ที่มีความสั่นสะเทือน งานขับเคลื่อนหรือติดไปกับยานพาหนะ งานยก แบก หาม หาบ ทูน ลาก หรือเข็นของหนักเกิน 15 กิโลกรัม งานที่ทำในเรือ 3. พนักงาน ตรวจแรงงานมีคำสั่งให้นายจ้างเปลี่ยนเวลาทำงานหรือชั่วโมงทำงาน ของลูกจ้างหญิงที่ทำงานในระหว่างเวลา 24. 00 น. - 06. ได้ตามที่เห็น สมควรถ้าพนักงานตรวจแรงงานเห็นว่างานนั้นอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และความปลอดภัยของลูกจ้างหญิงนั้น 4.
- สัญญาณมือ | ครูพิมพ์พร ดวงตา โรงเรียนกุดชุมวิทยาคม
- เพลง ฝน ตก แดด ออก
- I can see your voice 9 ม ค 62 series
- หนัง ใหม่ the lion king
- การใช้ยาในหญิงมีครรภ์
- ราคา ทอง 6 1.6.0
ถาม: หญิงที่มาฝากครรภ์ ควรได้รับยาบำรุง ชนิดใดบ้าง เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ตัวอย่างเช่น ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, กรดโฟลิก, วิตามินรวม และมีวิธีการเลือกใช้อย่างไร. จำลอง กิตติธรรมโม พ. บ. ตอบ: หญิงที่มาฝากครรภ์ควรได้รับยาบำรุงในขณะตั้งครรภ์เพื่อช่วยเสริมสร้างและทดแทนส่วนที่ต้องนำไปใช้ในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ และสำหรับตัวของมารดาเอง. ในการเตรียมตัวในขณะตั้งครรภ์และภายหลังการคลอดโดยเฉพาะการสร้างน้ำนมเพื่อให้มีคุณค่าทางอาหารที่เหมาะสมต่อไป ยาหรือวิตามินที่จำเป็นต้องให้แก่หญิงตั้งครรภ์ ประกอบด้วย 1. ธาตุเหล็ก เนื่องจากขณะตั้งครรภ์ความต้องการธาตุเหล็กมีเพิ่มมากขึ้น โดยทั่วไปจะมี การส่งธาตุเหล็กจากมารดาสู่ทารกและรกประมาณ 300 มก. ของธาตุเหล็ก และมารดาต้องการธาตุเหล็กอีกประมาณ 500 มก. เพื่อช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงในขณะตั้งครรภ์ ดังนั้นมารดาจะต้องได้รับธาตุเหล็ก(iron element) ประมาณ 7 มก. /วัน. ซึ่งธาตุเหล็กที่จำหน่ายในท้องตลาดจะเป็นธาตุเหล็กที่เป็นส่วนประกอบแตกต่างกันไป (iron compound) ขึ้นอยู่ กับแต่ละชนิดของยา. ยกตัวอย่างเช่น ferrous fumarate ซึ่งเป็นส่วนประกอบของธาตุเหล็กที่แตกตัวให้ธาตุเหล็กได้ดีที่สุดคือ ประมาณร้อยละ 33 ในขณะที่เมื่อเรากินธาตุเหล็กผ่านเข้าไปในทางเดินอาหาร ร่างกายจะสามารถดูดซึมธาตุเหล็กเข้าไปได้ประมาณร้อยละ 10.
/ดล.
ลูกจ้างหญิงมีครรภ์มีสิทธิขอ ให้นายจ้างเปลี่ยนงานในหน้าที่เดิมเป็นการ ชั่วคราวก่อนหรือหลังคลอดได้ กรณีที่มีใบรับรองแพทย์ แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง มาแสดงว่าไม่อาจทำงานในหน้าที่เดิมต่อไปได้ 5. ห้ามนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างหญิงเพราะเหตุมีครรภ์ 14784
ดังนั้นในแต่ละวันมารดาควรได้รับส่วนประกอบของธาตุเหล็กชนิด ferrous fumarate อย่างน้อยวันละ 200 มก. เพื่อที่จะได้ธาตุเหล็กที่เพียงพอวันละ 7 มก. ตามทฤษฎีถ้าส่วนประกอบของธาตุเหล็กเป็นชนิดอื่นๆ ก็ควรให้เพียงพอ ตามความต้องการขึ้นอยู่กับการแตกตัวให้ธาตุเหล็กของแต่ละส่วนประกอบของธาตุเหล็กไป ในขณะที่ 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ความต้องการธาตุเหล็กยังมีน้อยอยู่ อาจไม่จำเป็นต้องให้ธาตุเหล็กเสริมในระยะเวลา 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เพราะแทนที่จะมีประโยชน์อาจเป็นผลทำให้มารดามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน รุนแรงขึ้นได้จากผลข้างเคียงของธาตุเหล็ก. ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าธาตุเหล็กจำเป็นต้องให้ในมารดาที่ตั้งครรภ์ โดยให้ได้เป็นธาตุเหล็กอย่างน้อยวันละ 7 มก. โดยอาจไม่จำเป็นในระยะ 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์. 2. กรดโฟลิก เป็นสารที่มีความจำเป็นสำหรับมารดาที่ตั้งครรภ์ และก่อนการตั้งครรภ์ ถ้ามารดาได้รับกรดโฟลิกก่อนการตั้งครรภ์อย่างสม่ำเสมอ จะสามารถป้องกันการเกิด neural tube defect ได้. โดยเฉพาะประเทศในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาจะแนะนำให้หญิงที่จะตั้งครรภ์กินกรดโฟลิกก่อนการตั้งครรภ์เป็นเวลานานเป็นเดือนๆ. ขณะเดียวกันกรดโฟลิกยังช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงของมารดาในขณะตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงมีคำแนะนำให้จาก American College of Obstetrician and Gynecologist ให้มารดาก่อนตั้งครรภ์และขณะตั้งครรภ์ได้รับกรดโฟลิกเสริม โดยควรได้รับกรดโฟลิกอย่างน้อยวันละ 4 มก.